บทที่ 4 ตอนที่ 4

“ภิญรู้ว่านิ่มหลงรักพี่พุทธอะไรนั่นมากแค่ไหน แต่ว่าพี่พุทธของนิ่มไม่เห็นจะสนใจอะไรนิ่มเลยนี่ แถมยังควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอีก เลิกสนใจเขาเถอะ”

“เลิกได้ที่ไหนกันล่ะ รักหมดใจเลยนะ” นาบุญแย้งเสียงสูงลิบ จนภิญญาพัชฌ์ต้องรีบยื่นมือไปปิดปากเพื่อนเอาไว้ นาบุญหัวเราะเบาๆ นัยน์ตาเลื่อนลอยเคลิ้มฝัน

“เมื่อเช้าพี่พุทธเขายังมาส่งนิ่มที่มหาวิทยาลัยเลย ภิญก็เห็นไม่ใช่เหรอ พี่พุทธยังถือหนังสือให้นิ่มด้วย”

ใช่หล่อนเห็น และก็เห็นด้วยว่าผู้ชายที่เพื่อนรักคลั่งไคล้ไม่ได้แสดงท่าทางสนใจไยดีอะไรนาบุญเลย แถมยังทำตาเจ้าชู้มายังหล่อนอีกต่างหาก ผู้ชายคนนี้ไม่คู่ควรกับเด็กสาวไร้เดียงสาอย่างนาบุญเลยแม้แต่นิดเดียว

‘แล้วหล่อนจะทำยังไงล่ะ จะทำยังไงดีที่จะสามารถแยกนาบุญออกจากพี่พุทธได้ ขนาดปู่ของนาบุญยังทำไม่สำเร็จเลย’

ภิญญาพัชฌ์พยายามคิดหาทางเพื่อช่วยเหลือเพื่อน พยายามคิดแล้วคิดอีกแต่สมองตอนนี้ตันชะมัด ก็คงต้องโทษไอ้เสียงเพลงบ้าบอ ที่มันช่างดังอื้ออึง

“นิ่มว่าพี่พุทธเขาต้องมีใจให้กับนิ่มบ้างแล้วล่ะ”

ไม่มีประโยชน์ที่จะไปขัดขวางความคิดของนาบุญในตอนนี้ สิ่งที่ดีสุดที่หล่อนควรจะต้องรีบทำในตอนนี้ก็คือ การพานาบุญออกไปจากสถานที่อโคจรแห่งนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะถูกพวกเสือสิงห์กระทิงแรดทั้งหลายที่กำลังจ้องมองมาที่โต๊ะของหล่อนกับนาบุญหิ้วไปทำมิดีมิร้าย

“อืม...น่าจะใช่นะ”

“นี่ภิญก็คิดว่าพี่พุทธมีใจให้นิ่มเหมือนกันใช่ไหม”

ภิญญาพัชฌ์ไม่มีทางเลือก จึงได้แต่พยักหน้ารับ

“ใช่ ภิญก็คิดแบบนั้นแหละ”

นาบุญระบายยิ้มกว้างออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนสาว นัยน์ตาหวานฉ่ำที่มีแพขนตายาวงอนสุกสกาวดุจดวงดารากลางท้องนภายิ่งนัก ภิญญาพัชฌ์มองอย่างชื่นชม และรีบฉวยโอกาสทองนี้ไว้ในทันที

“ถ้าหายเศร้าแล้วกลับบ้านกันนะนิ่ม นะดึกแล้ว”

“แต่นิ่มยังไม่อยากกลับนี่”

นาบุญยังดื้อดึง แต่คราวนี้ภิญญาพัชฌ์ไม่คิดจะยอมแพ้อีกแล้ว ต่อให้ต้องใช้ช้างมาฉุดนาบุญออกไป หล่อนก็จะทำ

“พี่พุทธเขาจะคิดยังไงถ้ารู้ว่านิ่มมาเมาหัวราน้ำอยู่ที่นี่ คิดดูนะนิ่ม ถ้าพี่พุทธรู้ เขาอาจจะไม่สนใจนิ่มอีกเลยก็ได้”

ได้ผลชะงัดนัก เมื่อนาบุญวางแก้วเหล้า พร้อมกับเอ่ยถามหล่อนด้วยความกังวลใจเต็มเปี่ยม

“จริงเหรอภิญ พี่พุทธเขาจะไม่ชอบนิ่มเหรอถ้ารู้ว่านิ่มมาเมาแบบนี้”

ภิญญาพัชฌ์พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะพูดต่อเพื่อกระตุ้นเร้าให้นาบุญเร่งกลับบ้าน

“ก็ใช่น่ะสิ ไม่มีผู้ชายที่ไหนชอบผู้หญิงเมาแบบนางเมรีหรอกนะ แม้แต่พี่พุทธก็ตาม”

“แต่ถึงพี่พุทธจะชอบนิ่ม แต่นิ่มก็ต้องแต่งงานกับคนอื่นอยู่ดี”

“ไม่ต้องคิดมากนะนิ่ม ภิญสัญญาว่าจะช่วยทำให้นิ่มสมหวังกับพี่พุทธ จะทำทุกอย่างเพื่อให้นิ่มได้สมรักกับคนที่ตัวเองรัก”

ภิญญาพัชฌ์วางมือของตนเองลงบนมือนุ่มนิ่มแบบคนที่ไม่เคยทำงานหนักมาก่อนเลยในชีวิตของนาบุญ บีบแรงๆ อย่างให้กำลังใจ

“ไว้ใจภิญนะนิ่ม”

นาบุญยิ้มกว้าง มองเพื่อนรักอย่างขอบคุณ แม้ภิญญาพัชฌ์จะยังไม่ได้พูดออกมาว่าจะช่วยตนยังไง แต่นาบุญก็มั่นใจในสมองที่ฉลาดเป็นกรดของเพื่อนคนนี้เต็มร้อย

“นิ่มไว้ใจภิญ ขอบใจมากนะภิญ”

“ถ้าไว้ใจภิญก็ออกไปจากที่นี่กันเถอะ ดึกมากแล้ว”

นาบุญไม่อิดออดอีก หญิงสาวควักธนบัตรสีเทาปึกใหญ่ออกมาวางบนโต๊ะเป็นค่าอาหารและเครื่องดื่ม พลางลุกขึ้นกำลังจะเดินออกไป แต่คราวนี้เป็นภิญญาพัชฌ์ที่เป็นฝ่ายรั้งร่างของนาบุญเอาไว้

“เดี๋ยวก่อนสินิ่ม”

“ว่าไง เปลี่ยนใจอยากอยู่ต่อเหรอ”

สาวน้อยที่อยู่ในอาการมึนเมาหันมายิ้มแพรวพราว ภิญญาพัชฌ์รีบส่ายหน้าดิก ก่อนจะชี้มือไปที่เงินปึกใหญ่ซึ่งมันน่าจะเกินค่าอาหารอยู่มากโขเลยทีเดียว

นาบุญมองตามนิ้วเรียวของเพื่อนรักไปแล้วก็ระบายยิ้มออกมา

“เงินเหรอ? ทำไมล่ะ ก็ค่าเหล้าไง”

“แต่มันมากเกินไปนะนิ่ม เราควรจะอยู่รอเงินทอนก่อน”

เจ้าของเงินส่ายหน้าดิก แสดงนิสัยผู้ที่เกิดบนกองเงินกองทองออกมา

“เล็กน้อยน่า ถือว่าเป็นทิปให้กับเด็กเสิร์ฟก็แล้วกัน ไปภิญ นิ่มง่วงแล้ว”

“มันมากไปนิ่ม รอเงินทอนก่อน”

ด้วยความที่ต้องปากกัดตีนถีบมาตลอดชีวิตทำให้ภิญญาพัชฌ์เห็นค่าของเงินมากกว่าคุณหนูไฮโซแสนเอาแต่ใจอย่างนาบุญ

ความจริงหล่อนไม่เคยคิดจะคบหากับนาบุญเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยความสงสารเพราะเห็นว่านาบุญเข้ากับใครไม่ได้ ซึ่งเป็นเพราะความเอาแต่ใจมหาศาลที่เจ้าตัวแสดงออกมาทุกครั้งเมื่อต้องการอยากได้อะไร แต่พอคบเข้าจริงๆ หล่อนถึงได้รู้ว่าเนื้อแท้แล้วนาบุญนั้นไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย ตรงกันข้ามแม่คุณเป็นคนใจอ่อน ขี้สงสาร แถมยังอ่อนไหวได้อย่างง่ายดายอีกต่างหาก แต่ข้อดีพวกนี้มันถูกกลบทับไว้ด้วยความอวดดีและถือตัวจนมิดเลยทีเดียว

“นั่งรอก่อนนิ่ม”

คนเมาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากทำตามคำสั่งของเพื่อนรัก เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่หล่อนมีในมหาวิทยาลัย

“เจ้าค่ะเสด็จแม่”

นาบุญเย้าด้วยน้ำเสียงเมามาย กำลังจะทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้แต่แล้วก็ต้องชะงักงันเมื่อเสียงวี้ดว้ายของบรรดานักเที่ยวดังก้องขึ้น พร้อมๆ กับเสียงเข้มทรงอำนาจของนายตำรวจเกือบยี่สิบนายที่กรูกันเข้ามาภายในไนต์คลับแห่งนี้

“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกคนจงอยู่ในความสงบ” นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งพูดผ่านโทรโข่งออกมาเสียงดังกังวาน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะภิญ ทำไม?”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป